แชร์

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์ทรวงอกฯ รพ.วชิรพยาบาล เผยคำแนะนำ "การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดในยุค PM 2.5"

อัพเดทล่าสุด: 15 มิ.ย. 2025
44 ผู้เข้าชม

ในปี 2568 นี้ ประเทศไทย ถูกฝุ่นพิษกักไว้ในชั้นบรรยากาศ ไม่สามารถกระจายออกไปได้ ค่าฝุ่นจึงพุ่งสูงจนเกินมาตรฐาน จากการคำนวณเปรียบเทียบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศหรือ PM2.5 กับปริมาณการสูบบุหรี่ พบว่า ค่าฝุ่น PM 2.5 ที่ 22 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เทียบได้กับการสูบบุหรี่ 1 มวน ซึ่งหากนำค่าฝุ่นแบบค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมงในแต่ละวันของปี 2024 มาคำนวณเปรียบเทียบตามเกณฑ์ของ Richard Muller จะพบว่าในปี 2024 ที่ผ่านมา คนกรุงเทพฯ สูดดมฝุ่นพิษ PM2.5 เทียบเท่าการสูบบุหรี่ ทั้งหมด 1,297.14 มวน ลดลงจากปี 2023 ที่มีจำนวน 1,370.09 มวน ถึง 81.95 มวน หรือคิดเป็น 4.09 ซอง แต่ก็ยังมากกว่าปี 2022 ที่มีจำนวน 1,224.77 มวน และปี 2021 ที่มีจำนวน 1,261.05 มวน

รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยศาสตร์ทรวงอกเฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องในช่องทรวงอก โรงพยาบาลวชิรพยาบาล กล่าวว่า สำหรับโรคมะเร็งปอดยังคงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตในประเทศไทย จากรายงานทางวารสารการแพทย์พบว่า มีผู้ป่วยชาวเอเชียที่ไม่สูบบุหรี่เป็นมะเร็งปอด สัดส่วนถึง 30-60 เปอร์เซ็นต์ โดยแนวทางคัดกรองผู้ที่ไม่สูบบุหรี่เป็นประเด็นที่ซับซ้อน เพราะปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเสี่ยงสูง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สูบบุหรี่หรือเคยสูบหนักมาก่อน ยกตัวอย่าง จากคณะทำงานบริการป้องกันของสหรัฐอเมริกา (USPSTF) แนะนำให้ทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบความเข้มต่ำ (Low-Dose CT หรือ LDCT) ปีละครั้ง สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูง 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ผู้มีอายุระหว่าง 50 ถึง 80 ปี 2. มีประวัติการสูบบุหรี่กว่า 20 ปี (เช่น สูบวันละ 1 ซอง เป็นเวลา 20 ปี) และ 3.ยังสูบบุหรี่อยู่หรือเลิกสูบมาไม่เกิน 15 ปี ทั้งนี้ไม่รวมผู้ไม่เคยสูบบุหรี่ แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงอื่นก็ตาม

ในส่วนของมะเร็งปอดในกลุ่มผู้ไม่สูบบุหรี่นั้น จากข้อมูลที่ควรรู้ประมาณ 40-60 % ของมะเร็งปอดเกิดในผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่ซึ่งมักเกิดจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง, การสัมผัสก๊าซเรดอน, การสัมผัสสารพิษจากงานอาชีพ (เช่น แร่ใยหิน ควันดีเซล), มลพิษทางอากาศ หรือ ครัวเรือน, ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด, การกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม (เช่น EGFR, ALK) โดยมะเร็งปอดในผู้ไม่สูบบุหรี่มักเป็นชนิด อะดีโนคาร์ซิโนมา (Adenocarcinoma) ซึ่งมากกว่า 60-70% มักถูกวินิจฉัยในระยะที่ลุกลามแล้ว เพราะไม่มีการตรวจคัดกรองที่เหมาะสมโดยปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการตรวจคัดกรองสำหรับผู้ไม่สูบบุหรี่ระดับชาติหรือสากล ที่ แนะนำให้ตรวจ LDCT เป็นการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์บริเวณทรวงอกด้วยปริมาณรังสีที่ต่ำมาก ใช้เพื่อคัดกรองมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นในผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่ทั่วไป โดยผลจากการตรวจ LDCT พบว่า 1. อัตราความเสี่ยงต่อประโยชน์ยังไม่ชัดเจน (ตรวจพบผลลวงบ่อย, ได้รับรังสี) และ 2.ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าช่วยให้รอดชีวิตเพิ่มขึ้นในกลุ่มความเสี่ยงต่ำ

ส่วนข้อควรระวังและประเมินก่อนตรวจ LDCT นั้น แม้จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปอดในกลุ่มเสี่ยงสูง แต่ก็มีข้อควรพิจารณา เช่น 1. ผลบวกลวง (False Positive) โดยอาจพบก้อนที่ไม่ใช่มะเร็ง ทำให้ต้องตรวจเพิ่มเติมหรือผ่าตัดโดยไม่จำเป็น 2.การได้รับรังสีซ้ำซ้อนและ 3.ความวิตกกังวลจากผลตรวจ โดยมีบางรายอาจมีข้อยกเว้นหรือกรณีพิเศษ อาจมีประโยชน์ต่อการคัดกรองความเสี่ยง ได้แก่ 1. ประวัติครอบครัวที่ชัดเจนว่าเคยเป็นมะเร็งปอด 2. การสัมผัสสารพิษจากสิ่งแวดล้อมหรือจากอาชีพอย่างมีนัยสำคัญและ 3. พันธุกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง กรณีเหล่านี้ควรพูดคุยกับแพทย์ และพิจารณาอย่างรอบคอบร่วมกัน โดยมากจะอยู่ในบริบทของการวิจัยหรือติดตามเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงสูง โดยปัจจุบันการใช้ฟิล์มเอกซเรย์ในการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดหรือการเจาะเลือด ยังไม่ใช่วิธีมาตรฐานที่มีความแม่นยำอีกต่อไป ฉะนั้นใครที่มีความเสี่ยง อย่าลืมไปคัดกรองมะเร็งปอดโดยการทำ LDCT กันนะครับ

หากท่านใดสงสัยต้องการคำปรึกษาสามารถสอบถามผ่านทาง inbox ได้หรือทาง lineofficial account; @lungsurgeryth

โดยปรึกษาผ่านเพจเฟซบุ๊ก ผ่าตัดปอด รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย ได้ที่ Lineid:@lungsurgeryth หรือเว็บไซต์ https://www.siradoctorlung.com

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy